กรณ์ จาติกวณิช (เกิด: 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2507) เป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เนื่องจากรูปร่างที่สูงถึง 193 เซนติเมตร ทำให้ได้สมญานามจากสื่อมวลชนว่า "หล่อโย่ง" ซึ่งตั้งให้เข้าชุดกับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีสมญานาม "หล่อใหญ่" และสมาชิกพรรครุ่นใหม่คนอื่นๆ เช่น อภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้รับสมญานามว่า "หล่อเล็ก" และหม่อมหลวงอภิมงคล โสณกุล ที่ได้รับสมญานามว่า "หล่อจิ๋ว"
ต้นปี พ.ศ. 2549 กรณ์ จาติกวณิช มีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบการขายหุ้นชินคอร์ปของ ตระกูลชินวัตร และดามาพงษ์ โดยได้รับมอบหมายจากพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นหัวหน้าคณะ?ทำงานตรวจสอบ?การขายหุ้นชินคอร์ป ซึ่งการขายหุ้นดังกล่าวถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีความเกี่ยวพันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในประเด็นการซุกหุ้น และหลีกเลี่ยงภาษี
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.ศ. 2550 กรณ์ชนะการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ในเขตเลือกตั้งที่ 2 กรุงเทพมหานคร (เขตวัฒนา คลองเตย สาทร บางคอแหลม และยานนาวา) และภายหลังการจัดตั้ง รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ทำให้ พรรคประชาธิปัตย์ มีสถานะเป็นพรรคฝ่ายค้านเพียงพรรคเดียวในสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์จึงประกาศจัดตั้ง คณะรัฐมนตรีเงา หรือ ครม.เงา ขึ้น เพื่อติดตามตรวจสอบ และเสนอแนะการบริหารงานของรัฐบาล ตามรูปแบบที่มีในต่างประเทศ กรณ์ในฐานะแกนนำทีมเศรษฐกิจ ได้รับเลือกจากทางพรรคให้ทำหน้าที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเงา
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ตามข้อบังคับพรรค และ กรณ์ จาติกวณิช ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รับผิดชอบดูแลพื้นที่ กรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้ทางด้านการทำงานในสภาผู้แทนราษฎร กรณ์ จาติกวณิช ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองประธานคณะกรรมาธิการการเงินการคลังและสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน
ต่อมาเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2551 กรณ์ จาติกวณิช ได้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ครม.คณะที่ 59)
กรณ์ จาติกวณิชเกิดเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2507 ที่ Princess Beatrice Hospital ถนน Brompton ประเทศอังกฤษ มีชื่อเล่นว่า "ดอน" เป็นบุตรคนกลางของ นายไกรศรี จาติกวณิช อดีตอธิบดีกรมศุลกากร อดีตผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กับ นางรัมภา จาติกวณิช (นามสกุลเดิม พรหโมบล บุตรี พระยาบุเรศผดุงกิจ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ)
กรณ์ จาติกวณิช สมรสกับวรกร จาติกวณิช (สกุลเดิม: สูตะบุตร) มีบุตรธิดาด้วยกัน คือ กานต์ จาติกวณิช (แจม) และไกรสิริ จาติกวณิช (จอม) นอกจากนี้วรกรยังมีลูกจากการสมรสครั้งก่อนอีก 2 คน คือ พงศกร มหาเปารยะ (แต๊งค์) และพันธิตร มหาเปารยะ (ติ๊งค์)
กรณ์ จาติกวณิช สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจาก วินเชสเตอร์ คอลเลจ (Winchester College) หลังจากนั้นศึกษาต่อปริญญาตรี สาขาปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ ที่ เซนต์จอห์น (St.John's) มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด (University of Oxford) จนสำเร็จการศึกษาได้รับ เกียรตินิยมอันดับสอง
กรณ์ จาติกวณิช เคยดำรงตำแหน่งประธาน บริษัทเจพี มอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัดพ.ศ. 2544 – พ.ศ. 2547 ประธานบริษัทหลักทรัพย์เจเอฟ ธนาคม จำกัด พ.ศ. 2531 – พ.ศ. 2543 เอส จี วอร์เบิร์ก ลอนดอน ประเทศอังกฤษ พ.ศ. 2528 – พ.ศ. 2530
กรณ์ จาติกวณิช เข้าสู่วงการการเมืองจากการชักชวนของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อนนักเรียนเมื่อครั้งเรียนอยู่ที่อังกฤษ โดยชนะเลือกตั้งได้เป็น ส.ส. เขต 7 กรุงเทพมหานคร ซึ่งประกอบด้วย เขตยานนาวาและเขตสาทรบางแขวงของพรรคประชาธิปัตย์ จากการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 ด้วยคะแนนเสียง 36,010 คะแนน เป็น 1 ใน 4 ของ ส.ส.กรุงเทพมหานครของพรรคประชาธิปัตย์
กรณ์ จาติกวณิช เคยได้รับเลือกให้ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเงา ในการติดตามตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
ทางด้านการทำงานในสภาผู้แทนราษฎร กรณ์ จาติกวณิช ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองประธานคณะกรรมาธิการการเงินการคลังและสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร 2 สมัยติดต่อกัน
ปลายปี พ.ศ. 2553 สื่อมวลชนประจำทำเนียบได้ตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรี โดยกรณ์ ได้รับฉายาว่า "โย่งคาเฟ่" จากผลงานการแสดงบทบาทพันตรีประจักษ์ คู่กับทักษอร ภักดิ์สุขเจริญในภาพยนตร์โฆษณา และการเปิดผับเชียร์ฟุตบอล
แผนกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2552 จำนวน 1.43 ล้านล้านบาท ซึ่งจะเน้นลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย โครงการลงทุนภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 ที่ได้รับอนุมัติมีมูลค่าทั้งหมด 1,431,330 ล้านบาท เป็นการลงทุนระหว่างปี 2552-2555 ล้านบาท คาดว่าจะช่วยสร้างงานได้ประมาณ 1.6-2 ล้านคน และช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคเอกชนในระยะยาว ได้แก่
วิถีชีวิตของ กรณ์ จาติกวณิช และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีความคล้ายคลึงกันไม่น้อย ตั้งแต่ที่ทั้งคู่ถือกำเนิดในตระกูลเก่าแก่ มีบรรพบุรุษทางบิดาเป็นชาวจีนที่เข้ามาตั้งรกรากในประเทศสยาม ทั้งนามสกุล "จาติกวณิช" และ "เวชชาชีวะ" ต่างก็เป็นนามสกุลพระราชทานในสมัยรัชกาลที่ 6
บิดาของกรณ์และอภิสิทธิ์ ต่างสำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศเคยดำรงตำแหน่งสำคัญในระดับประเทศ ทั้งกรณ์และอภิสิทธิ์เกิดในต่างประเทศ โดยกรณ์เกิดที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2507 ขณะที่ อภิสิทธิ์ เกิดที่ เมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ ในปีเดียวกัน แม้เกิดที่อังกฤษแต่ทั้งคู่ถือสัญชาติไทย ต่อมาทั้งคู่ได้กลับมาเมืองไทยตั้งแต่ยังเล็กเรียนหนังสือระดับประถมศึกษาที่ประเทศไทยเหมือนกัน กรณ์กลับไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ เมื่ออายุ 11 ปี ขณะที่อภิสิทธิ์ ก็กลับไปเรียนต่ออังกฤษในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยอภิสิทธิได้เข้าเรียนมัธยมที่โรงเรียนอีตัน ส่วนกรณ์เรียนที่โรงเรียนวินเชสเตอร์ ซึ่งเป็นโรงเรียนคู่แข่งกัน ระหว่างการเรียนกรณ์ได้ทราบกิตติศัพท์ว่า อภิสิทธิ์ซึ่งเรียนอยู่ที่โรงเรียนอีตัน เรียนหนังสือเก่งมาก
ต่อมาเมื่อเข้าเรียนระดับอุดมศึกษา ทางมหาวิทยาลัยได้ให้ทุนการศึกษาเพื่อดึงนักศึกษาที่เรียนเก่งเข้ามาสร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัยทำให้อภิสิทธิ์และกรณ์ได้มาเรียนด้วยกันที่มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด และมีโอกาสได้รู้จักสนิทสนมกัน ต่อมาอภิสิทธิ์สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 สาขาปรัชญา การเมืองและเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ส่วนกรณ์ก็สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาเดียวกัน ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2
หลังจากสำเร็จการศึกษา กรณ์และอภิสิทธิ์ได้แยกย้ายกันไปทำงานแตกต่างกัน โดยอภิสิทธิ์ทำงานเป็นอาจารย์ ส่วนกรณ์ทำงานในสายการเงิน แต่ทั้งคู่ยังมีความสัมพันธ์เพิ่มขึ้นอีก เมื่อกรณ์แต่งงานกับ วรกร จาติกวณิช เนื่องจากภรรยาของกรณ์คนนี้เป็นญาติกับอภิสิทธิ์เพราะว่านามสกุลเดิมของเธอคือ สูตะบุตร เช่นเดียวกับมารดาของอภิสิทธิ์ นอกจากนี้ วรกร จาติกวณิชซึ่งเป็นภรรยาของกรณ์ยังสนิทกับ งามพรรณ เวชชาชีวะ นักเขียนรางวัลซีไรต์ ที่เป็นพี่สาวของอภิสิทธิ์อีกด้วย นอกจากนี้ คุณลุงของกรณ์ คือ ศ.นพ.กษาน จาติกวณิช กับบิดาของอภิสิทธิ์ คือ ศ.เกียรติคุณ นพ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่างก็เคยเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลมาแล้วเช่นกัน
ในที่สุดทั้งอภิสิทธิ์และกรณ์ได้เข้าสู่วงการเมือง ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์เช่นเดียวกัน และได้ดำรงตำแหน่งระดับบริหารพรรคด้วยกันในเวลาต่อมา และหลังจากนั้นอภิสิทธิ์ได้ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ของประเทศไทย โดยมีกรณ์ำดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กรณ์ จาติกวณิช ได้รับรางวัล "เปรียว อวอร์ด 2005" ที่นิตยสารเปรียวมอบให้ 10 บุคคลคุณภาพแห่งปี ซึ่งประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และเป็นที่รู้จักในแวดวงสังคมไทย โดยมีการเชิญบุคคลที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จ จากหลากหลายวิชาชีพมาทำหน้าที่เป็น คณะกรรมการคัดเลือก และตัดสิน ภายใต้หลักเกณฑ์สำคัญคือ จะต้องเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติพร้อม ทั้งเรื่องบุคลิกภาพ, สัมพันธภาพ, ความฉลาด, ความสง่างาม และมีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับในสังคม
เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553 นิตยสาร The Banker นิตยสารชั้นนำของประเทศอังกฤษ คัดเลือกให้กรณ์ จาติกวณิช เป็น "รัฐมนตรีคลังโลก ปี 2010" และ "รัฐมนตรีคลังเอเชียแห่งปี 2010" โดยคัดเลือกจากรัฐมนตรีคลังในประเทศต่างๆ ทั่วโลก 5 ภูมิภาค ได้แก่ อเมริกา ยุโรป เอเชีย แอฟริกา และตะวันออกกลาง